"คน" กับ "ระบบ" อะไรสำคัญกว่าในทางธุรกิจ

“คน” กับ “ระบบ” อะไรสำคัญกว่าในทางธุรกิจและเพราะอะไร ?
เป็นคำถามที่ลึกมาก
ตอบให้เห็นทั้งสองมุม — เพราะ “คน” กับ “ระบบ” ไม่ใช่คู่ตรงข้าม แต่เป็นสิ่งที่เชื่อมกัน
1.ถ้ามองว่า “คนสำคัญกว่า”
- วิสัยทัศน์ & การตัดสินใจ → ระบบไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ต้องอาศัยคนที่มีวิสัยทัศน์สร้างวางกติกาและตัดสินใจในช่วงที่ไม่มีสูตรสำเร็จ
- ความยืดหยุ่น → ธุรกิจจริงมักเจอเรื่องไม่คาดคิดคนสามารถคิดนอกกรอบและแก้ปัญหาได้แต่ระบบมักทำงานได้ตามที่ถูกออกแบบมา
- วัฒนธรรมองค์กร → สิ่งนี้ขับเคลื่อนด้วยคนมากกว่าระบบ เช่น ความซื่อสัตย์ความรับผิดชอบความมุ่งมั่น
สรุป: ถ้าไม่มี “คนที่ใช่” ระบบที่ดีแค่ไหนก็ไม่เกิดหรือไม่ถูกใช้จริง
2.ถ้ามองว่า “ระบบสำคัญกว่า”
- ความยั่งยืน & การขยาย (Scalability) → คนเก่ง 1 คน ทำงานได้ 1 ส่วน แต่ระบบที่ดีจะทำให้ “คนธรรมดา” ทำงานได้เหมือนคนเก่งและขยายทีมได้เรื่อย ๆ
- ลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของคน → ระบบช่วยทำงานซ้ำ ๆ ได้ถูกต้องสม่ำเสมอไม่ขึ้นกับอารมณ์หรือสภาพร่างกายของคน
- การส่งต่อธุรกิจ → ธุรกิจที่อยู่รอดหลายรุ่น ไม่ได้พึ่งแต่คนเก่ง แต่พึ่ง “ระบบที่รักษามาตรฐาน” ได้แม้เปลี่ยนทีมงาน
สรุป: ถ้าไม่มีระบบธุรกิจจะพึ่งพาคนบางคนเกินไปและเสี่ยงพังทันทีที่คนนั้นหายไป
เปรียบเทียบ “คน vs ระบบ” ตามแต่ละช่วงธุรกิจ (เริ่มต้น → โต → ขยายใหญ่)
ตารางเปรียบเทียบ “คน vs ระบบ” ตามช่วงธุรกิจ
ช่วงธุรกิจ | บทบาทของ คน | บทบาทของ ระบบ | อะไรสำคัญกว่า |
เริ่มต้น (Startup/ Survival Stage) | – ผู้ก่อตั้ง/ทีมเล็กต้องมีวิสัยทัศน์, ความกล้าเสี่ยง, ความยืดหยุ่น- การตัดสินใจไวและลงมือทำได้จริง- ต้องขายได้ด้วยตัวเอง | – ระบบยังไม่จำเป็นซับซ้อนมาก- มักเป็นระบบพื้นฐาน เช่น บัญชีง่าย ๆ, การขายแบบ manual | คนสำคัญกว่า เพราะต้องขับเคลื่อนด้วยไฟและความคิดสร้างสรรค์ |
เติบโต (Growth Stage) | – ยังต้องมีผู้นำที่มองภาพใหญ่และสร้างทีม- คนเก่ง ๆ ถูกดึงเข้ามาเสริม แต่ถ้าไม่มีระบบจะเหนื่อยมาก | – เริ่มสร้างระบบการขาย การตลาด การบริการลูกค้า- มี SOP, CRM, Workflow ที่ชัดเจน- ระบบเริ่มช่วยลดความผิดพลาดและทำให้ทีมใหม่ทำงานได้ | ทั้งคนและระบบสำคัญพอ ๆ กัน แต่ต้อง “เริ่มถ่ายจากคน → สู่ระบบ” |
ขยายใหญ่ (Scale / Corporation Stage) | – คนเก่งยังสำคัญ แต่ไม่ควรให้ธุรกิจพึ่งพาคนใดคนหนึ่งเกินไป- เน้นคนที่ “ใช้ระบบเป็น” และ “ขับเคลื่อนทีม” | – ระบบคือหัวใจ: ต้องมีมาตรฐานชัดเจน, ระบบควบคุมคุณภาพ, ระบบวัดผล (KPI, Dashboard)- ระบบช่วยให้หลายร้อย/พันคนทำงานไปในทิศทางเดียวกัน | ระบบสำคัญกว่า เพราะทำให้ธุรกิจยั่งยืนและสเกลได้ |
สรุปสั้น ๆ:
- เริ่มต้น = คนเป็นพระเอก
- เติบโต = คนและระบบคู่กัน
- ขยายใหญ่ = ระบบเป็นพระเอก
“คน” กับ ” ระบบ” ควรแบ่งเป็น % อย่างไรบ้าง
การมอง “คน” vs “ระบบ” ในเชิง สัดส่วน (%) จะช่วยวางกลยุทธ์การลงทุนทรัพยากรในแต่ละช่วงธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น
สัดส่วน “คน” vs “ระบบ” (โดยประมาณ)
ช่วงธุรกิจ | คน (%) | ระบบ (%) | เหตุผล |
เริ่มต้น (Startup / 0–1 ปี) | 70% | 30% | ต้องพึ่ง Passion, Networking, Skill ของผู้ก่อตั้งและทีมเล็ก ๆ ระบบยังไม่ซับซ้อน |
เติบโต (Growth / 1–3 ปี) | 50% | 50% | ทีมเริ่มขยาย ต้องการมาตรฐาน ระบบการขาย–การเงิน–บริการเข้ามาช่วย แต่ยังต้องพึ่งคนมากในด้านกลยุทธ์/ครีเอทีฟ |
ขยายใหญ่ (Scale/3ปีขึ้นไป) | 30% | 70% | ระบบต้องเป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อให้ธุรกิจรันได้โดยไม่ต้องพึ่ง “คนเก่งเฉพาะตัว” เกินไป เน้น Automation / Process / Platform |
Conclusion
แนวคิดนี้ปรับได้ตาม ประเภทธุรกิจ เช่น
ธุรกิจบริการ/ครีเอทีฟ → คนจะยังมีสัดส่วนสูงกว่า (60/40) แม้โตแล้ว
ธุรกิจผลิต/ค้าปลีก → ระบบจะสูงกว่า (20/80) เพื่อควบคุมคุณภาพและสเกล
Loss Function – AI
Jacquard – Google
Modern Trade Check List – SBC
